ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory
of Multiple Intelligences)
สยุมพร ศรีมุงคุณ
(2553) ได้กล่าวไว้ว่า ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple
Intelligences) ทฤษฏีนี้มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการ คือ
1.เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น
แต่มีอยู่ 8 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย
1.1.เชาวน์ปัญญาด้านภาษา (Linguistic
intelligence)
1.2.เชาวน์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
(Logical mathematical intelligence)
1.3.เชาว์ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial
intelligence)
1.4.เชาวน์ปัญญาด้านดนตรี (Musical
intelligence)
1.5.เชาวน์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ
(Bodily kinesthetic intelligence)
1.6.เชาวน์ปัญญาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น
(Interpersonal intelligence)
1.7.เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง (Intrapersonal
intelligence)
1.8.เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ
(Naturalist intelligence)
2.เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด
แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม
ทิศนา แขมมณี
(2553)
ได้กล่าวไว้ว่า การ์ดเนอร์ (Gardner) ได้ให้นิยามคำว่า
“เชาว์ปัญญา” (intelligence) ไว้ว่า
หมายถึงความสามารถในการแก้ปัญหาในสภาพแวดล้อมต่างๆ หรือการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ
การ์ดเนอร์มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการ คือ
1.เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น
แต่มีอยู่อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย
1.1.เชาวน์ปัญญาด้านภาษา (Linguistic
intelligence)
1.2.เชาวน์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
(Logical mathematical intelligence)
1.3.เชาว์ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial
intelligence)
1.4.เชาวน์ปัญญาด้านดนตรี (Musical
intelligence)
1.5.เชาวน์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ
(Bodily kinesthetic intelligence)
1.6.เชาวน์ปัญญาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น
(Interpersonal intelligence)
1.7.เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง (Intrapersonal
intelligence)
1.8.เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ
(Naturalist intelligence)
2.เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด
แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม
ชุติมา สดเจริญ
(2556)
ได้กล่าวไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2526 การ์ดเนอร์
ได้เสนอว่าปัญญาของมนุษย์มีอยู่อย่างน้อย 7 ด้าน คือ
ด้านภาษา ด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ ด้านมิติสัมพันธ์
ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ด้านดนตรี ด้านมนุษยสัมพันธ์ และด้านการเข้าใจตนเอง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 ได้เพิ่มเติมเข้ามาอีก 1 ด้าน คือ ด้านธรรมชาติวิทยา เพื่อให้สามารถอธิบายได้ครอบคลุมมากขึ้น
จึงสรุปได้ว่า พหุปัญญา ตามแนวคิดของการ์ดเนอร์ ในปัจจุบันมีปัญญาอยู่อย่างน้อย 8
ด้าน
สรุป
ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory
of Multiple Intelligences) เป็นแนวคิดของการ์ดเนอร์ (Gardner)
ซึ่งมีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ
2 ประการ คือ
1.เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น
แต่มีอยู่อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ด้านภาษา
ด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ด้านมิติสัมพันธ์ ด้านดนตรี ด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ
ด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น ด้านความเข้าใจตนเอง ด้านความเข้าใจธรรมชาติ
2.เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด
แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม
ที่มา
ชุติมา สดเจริญ. (2556).
https://www.gotoknow.org/posts/547007.
[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561.
ทิศนา แขมมณี.
(2553). ศาสตร์การสอน
องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
(พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ:
ด่านสุทธาการพิมพ์.
สยุมพร ศรีมุงคุณ.
(2553). https://www.gotoknow.org/posts/341272. [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น